ในช่วงที่ประเทศไทยมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ผู้สูงอายุถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อโควิด-19 มากกว่าช่วงวัยอื่นๆ เนื่องด้วยสภาพร่างกายที่ไม่แข็งแรง ภูมิคุ้มกันลดลงตามวัย โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคปอด โรคมะเร็ง กลุ่มนี้เป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะรับโควิด-19 ได้ง่าย หากไม่ได้มีการดูแลและป้องกันอย่างดี

เนื่องจากโควิด-19 เป็นโรคอุบัติใหม่ที่ยังไม่สามารถหาต้นตอของไวรัสนี้ได้ ในภาพรวมแล้วผู้สูงอายุเป็นกลุ่มที่น่าเป็นห่วง โดยเฉพาะกลุ่มที่มีโรคประจำตัวจะมีความเปราะบางกว่าคนทั่วไป ผู้สูงอายุจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 

- กลุ่มที่1 กลุ่มที่อยู่ในเมือง มีการระบาดของไวรัส แนะนำว่าผู้สูงอายุจะต้องอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยก็คือที่บ้าน หรือหากในบ้านมีผู้สงสัยว่าจะป่วยหรือได้รับเชื้อจะต้องแยกตัวเองออกไป เพื่อไม่ให้เชื้อแพร่มาสู่ผู้สูงอายุในบ้านได้ และอีกกลุ่มที่ต้องระวังคือ ผู้สูงอายุที่มีพี่เลี้ยงเป็นแรงงานต่างชาติ เวลาที่เขาลากลับบ้านแล้วกลับมาทำงาน เราไม่รู้ว่าเขานำเชื้อมาด้วยหรือเปล่า ส่วนนี้ต้องระวังเป็นพิเศษ หากเป็นไปได้ต้องตรวจสุขภาพและดูแลพี่เลี้ยงด้วย อาจให้อยู่ด้วยกันในบ้านไม่ให้ไปข้างนอก เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ ในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 ระบาด  สำคัญที่สุดคนที่เข้ามาในบ้านจะต้องไม่เอาเชื้อไปแพร่ให้เขา 

- กลุ่มที่2 กลุ่มชุมชนปิด ยังใช้ชีวิตได้ตามปกติ กลุ่มนี้จะมีความเสี่ยงน้อย แต่ต้องย้ำว่าหากเป็นชุมชนปิดจริงๆ จะต้องไม่มีใครเข้าไปในหมู่บ้านแล้วนำเชื้อไปแพร่ให้เขา ผู้ที่มีบทบาทสำคัญมากที่สุดในการดูแลผู้สูงอายุคือ ลูกหลาน บุคคลในครอบครัว ต้องทำความเข้าใจและเตรียมพร้อมในการดูแล เพื่อให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง

ผู้สูงอายุเป็นช่วงวัยที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษกว่าวัยอื่น แต่ละคนจะมีการเปลี่ยนแปลงของร่างกายไม่เท่ากัน บางคนมาก บางคนน้อย ขึ้นอยู่สุขภาพและการใช้ชีวิตที่ผ่านมา หัวใจหลักของการดูแลผู้สูงอายุ คือ การทำให้ผู้สูงอายุสามารถใช้ชีวิตในแต่ละวันได้อย่างมีความสุข

12 วิธี การดูแลผู้สูงอายุ ห่างไกลโควิด-19

1. ควรดูแลเรื่องอาหารการกิน ไม่รับประทานอาหารที่หวาน หรือเค็มเกินไป เน้นอาหารที่มีโปรตีนสูงเสริมภูมิคุ้มกัน และควรให้รับประทานอาหารที่หลากหลาย

2. ชวนผู้สูงอายุออกกำลังกาย เช่น การเดิน หรือแกว่งแขน

3. ผู้สูงอายุต้องพักผ่อนให้เพียงพอ การนอนสำคัญมาก ควรให้นอนประมาณไม่เกิน 3 ทุ่ม เพื่อให้พักผ่อนได้เต็มที่ยาวนาน หากนอนเร็วกว่า 3 ทุ่ม ผู้สูงอายุจะตื่นเร็วกว่าปกติ

4. หากมีความจำเป็นต้องออกจากบ้าน ต้องสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกัน และหากต้องไปในที่สาธารณะ งดให้ผู้สูงอายุสัมผัสจุดจับร่วม เพื่อลดความเสี่ยงการได้รับเชื้อ และหลังกลับมาจากนอกบ้านต้องทำความสะอาดร่างกายทันที

5. ไม่ใช้ช้อนกลาง หรือรับประทานอาหารร่วมกับคนในบ้าน 

6. ไม่ให้ผู้สูงอายุใช้ของร่วมกับคนในบ้าน

7. เน้นให้ผู้สูงอายุล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์

8. หากไม่จำเป็นไม่ควรออกจากบ้าน หรือออกไปพบปะผู้คน อาจใช้วิธีการวิดีโอคอลคุยกันผ่านทางสมาร์ทโฟนแทน

9. หากมีลูกหลานที่ต้องทำงานข้างนอก ควรอาบน้ำและชำระร่างกายให้สะอาดก่อนที่จะเข้าใกล้ผู้สูงอายุ

10. งดการแสดงความรัก เช่น การกอด หรือหอม

11. หากิจกรรมสร้างความสนุก คลายความเครียดให้กับผู้สูงอายุ

12. ถึงแม้จะอยู่ในบ้านเดียวกัน ระยะห่างทางสังคม หรือ Social Distancing เป็นสิ่งสำคัญที่ทุกครอบครัวต้องปฏิบัติเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด

         ในช่วงที่ทุกคนต้องอยู่ที่บ้าน ลดการเดินทางและพบปะผู้คน เพื่อลดการแพร่ระบาดของโควิด-19 อาจเกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย โดยเฉพาะผู้สูงอายุลูกหลานหรือบุคคลที่ทำหน้าที่ดูแลควรมีกิจกรรมให้ผู้สูงอายุได้ทำร่วมกัน อาทิ ชวนทำขนม ทำอาหาร อ่านหนังสือ เพื่อสร้างความสนุกและสร้างสัมพันธภาพที่ดีให้กับทุกคนในครอบครัว หัวใจสำคัญที่สุด คือ เราต้องรู้ก่อนว่าผู้สูงอายุในบ้านของเราชอบอะไร แล้วหากิจกรรมที่สอดคล้องกับที่เขาชื่นชอบ

3 วิธีคลายความเครียด ลดความกังวลในผู้สูงอายุ 

1. มีการพูดคุยสร้างความสัมพันธ์ สร้างความสนุก เพื่อให้ผู้สูงอายุไม่รู้สึกโดดเดี่ยวหรือเหงา

2. ชวนทำอาหาร ใช้เวลาว่างร่วมกันมากขึ้น

3. ชวนทำกิจกรรมที่ทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเอง


อ้างอิง : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)."ดูแลผู้สูงวัย ช่วงโควิด-19". www.thaihealth.or.th.2563.